เลือกซื้อบ้านให้ถูกใจ ต้องเลือกหลักการพิจารณาดังนี้

การเลือกซื้อบ้านในโครงการจัดสรร อย่างบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ นอกจากแบบและราคาที่ต้องตาต้องใจแล้ว ต้องมีการพิจารณาให้เหมาะสมต้องความต้องการของตัวเอง ในการเลือกแบบบ้านโครงการหมู่บ้านจัดสรรหรือเลือกบ้านมือสอง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ที่ใช้ในการการตัดสินใจ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

การเลือกซื้อบ้าน ต้องดูขนาดพื้นที่ใช้สอย เรื่องแรกและเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงนั้นคือขนาดของบ้าน ตรงความต้องการในการจัดสรรหรือไม่ หากเอ่ยถึงขนาดบ้านมักจะเริ่มจากจำนวนของห้องนอนเสมอ ดังนั้นคุณต้องการห้องนอนกี่ห้อง ห้องน้ำกี่ห้อง มีห้องน้ำที่สามารถเข้าได้จากทุกห้องนอนหรือไม่ พื้นที่ในการจอดรถยนต์ ต้องการจอดรถยนต์จำนวนกี่คัน ต้องการห้องทำงานแยกจากห้องอื่นๆ หรือไม่

ดังนั้นการพิจารณาห้องส่วนกลางเองก็จำเป็นเช่นกัน สัดส่วนของห้อง เช่น ห้องส่วนกลาง ห้องนั่งเล่นต้องแยกจากห้องรับแขกหรือไม่ ต้องมีห้องรับประทานอาหารแยกมาเป็นอีกส่วนหนึ่งหรือเปล่า แน่นอนว่าควรคิดถึงแผนในอนาคตอีกด้วยว่าต้องการพื้นที่สำหรับการขยายครอบครัวหรือไม่ และวางแผนที่จะมีลูกกี่คน

พื้นที่อื่นที่อาจขาดไม่ได้สำหรับหลายๆ ท่านด้วยกัน เช่น พื้นที่สำหรับเลี้ยงสัตว์ หรือ พื้นที่สำหรับผู้ชื่นชอบการปลูกต้นไม้ จะต้องการพื้นที่มีบริเวณและขนาดใหญ่หรือไม่ ถ้าไม่ชอบทำสวน พื้นที่ภายนอกบ้านอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญ ดังนั้นจำนวนห้องและพื้นที่ใช้สอยที่เรากำหนดเอาไว้จะสัมพันธ์กับขนาดที่ดิน หากขนาดตัวบ้านใหญ่ย่อมต้องการที่ดินใหญ่ตามไปด้วย หากกำหนดจำนวนห้องได้แล้วจึงจะพิจารณาแปลงบ้านต่อไป

ทิศทางการวางบ้าน ทิศทางในการเคลื่อนตัวดวงอาทิตย์ในประเทศไทยนั้นมีผลต่อสภาพอากาศของบ้านเป็นอย่างมาก ดวงอาทิตย์มักจะขึ้นทางทิศตะวันออกและมักอ้อมไปทางทิศใต้เสมอ ฉะนั้นทิศใต้และทิศตะวันตกจะเป็นทิศที่ร้อนมากในเวลากลางวัน ทิศตะวันออกรับแดดในช่วงเช้ามีความน้อยกว่าและมีช่วงเวลาสั้นขวา ทิศเหนือได้รับแดดน้อยที่สุด ดังนั้นการกำหนดตำแหน่งของห้องจึงควรดูทิศทางที่เหมาะสม โดยเฉพาะห้องนอนไม่ควรอยู่ทิศตะวันตกหรือทิศใต้ เพราะจะทำให้ห้องนอนร้อนมาก เป็นห้องที่ใช้งานช่วงเย็นและกลางคืน หากผนังห้องถูกแสงแดดตั้งแต่ช่วงเวลาบ่ายไปถึงเย็น ความร้อนยังคงสะสม กว่าอากาศห้องจะเย็นต้องใช้เวลานาน ฉะนั้นห้องที่พอจะวางปะทะกับด้านทิศใต้หรือทิศตะวันตกควรเป็น ห้องน้ำ ห้องเก็บของ ห้องครัว หรือที่จอดรถ เป็นต้น

เรื่องลมธรรมชาติ ในบ้านจะมีลมประจำอยู่สองทิศทาง คือ ลมมรสุมกลางปี ประมาณช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ลมจะพัดจากทิศใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้ อีกทิศทางหรือลมมรสุมปลายปีและต้นปี อยู่ประมาณช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ลมนี้อาจพัดจากทิศเหนือและทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ลมประจำส่วนใหญ่จะพัดจากทิศใต้และตะวันตกเฉียงใต้เป็นหลัก พัดถี่สุดคือทิศใต้ ดังนั้นทิศใต้และทิศเหนือควรมีช่องเปิดระบายอากาศที่มีขนาดใหญ่ เพื่อให้ลมธรรมชาติพัดผ่านได้สะดวก

ประหยัดพลังงาน บ้านที่ดีควรอยู่สบายๆ ใช้พลังงานอย่างประหยัด แน่นอนว่าทุกวันราคาพลังงานสูงขึ้นๆ การพิจารณาเรื่องการประหยัดพลังงานนั้นเริ่มตั้งแต่ประเภทของหลอดไฟฟ้าที่ใช้ ควรเป็นหลอดประหยัดไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านควรเป็นแบบประหยัดพลังงาน มีการป้องกันความร้อนได้ทั้งหลังคา โดยติดตั้งฉนวนกันความร้อนอย่างเหมาะสม ที่นิยม คือ การติดตั้งแผ่นความร้อนได้ที่กระเบื้องหลังคาหรือวางฉนวนใยแก้วความหนาอย่างน้อย 3 ที่ใต้หลังคาหรือวางเหนือฝ้าเพดาน ป้องกันความร้อนให้ผนังที่ได้รับแสงแดดมากดีกว่าก่อผนังหนา ไม่มีช่องประตูหน้าต่างมากนักทางทิศตะวันตก และหลังคาควรมีชายคายื่นยาวมากในทิศตะวันตกและทิศใต้

ดูแลรักษาง่าย นอกจากนี้บ้านที่ดีควรรักษาง่าย ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรักษา ไม่มีซอกหรือมุมมากเกินไป ไม่มีปัญหาเรื่องของความชื้น ไม่มีรอยรั่วซึมหรือรอยน้ำท่วม และบ้านไม่ควรมีขนาดใหญ่เกินไปจนไม่สามารถดูแลไหว โดยเฉพาะครอบครัวที่มีขนาดเล็กหากเลือกบ้านที่มีขนาดใหญ่ จะมีปัญหาเรื่องการดูแลรักษา

ระบบรองรับการใช้งาน แน่นอนว่าควรเริ่มจากระบบไฟฟ้า แสงสว่างต้องเพียงพอต่อการใช้งาน มีปลั๊กไฟฟ้าในจำนวนและจุดเหมาะสม ได้เตรียมจุดต่อไฟฟ้าสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อนหรือเครื่องปรับอากาศเอาไว้ล่วงหน้าในจำนวนและตำแหน่งเหมาะสม กำหนดพื้นที่วางคอนเดนซิ่งที่เรียกว่าคอมเพรสเซอร์ของระบบปรับอาการที่สามารถเข้าถึงเพื่อบำรุงรักษาได้อย่างสะดวก ยังคงความสวยงามของบ้านไว้อีกด้วย

ระดับของพื้นบ้านชั้นล่าง ควรยกสูงกว่าดินถมรอบบ้านประมาณ 50 เซนติเมตร ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสม เพราะยกตัวบ้านหนีน้ำท่วมของดินรอบช้างได้พอสมควร และมีบันไดเดินขึ้นบ้านไม่มากเกินไป

ระดับของฝ้าเพดานในห้อง บ้านขนาดกลางทั่วไปควรสูงอย่างน้อย 2.60 เมตร แต่ถ้าเพดานฝ้าสูงได้มากกว่านี้ได้ยิ่งดี จะเกิดความโปร่งสบายมากขึ้น โดยเฉพาะห้องขนาดใหญ่

ลูกตั้งของขั้นบันได ไม่ควรสูงเกิน 18 เซนติเมตร ถ้ามีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ในบ้าน แนะนำให้ใช้ 15 เซนติเมตร ลูกนอนขั้นบันไดต้องกว้างไม่น้อยกว่า 25 เซนติเมตร หากทำให้ลูกนอนกว้างได้ถึง 28 เซนติเมตรทำให้เดินสบายกว่า ความกว้างสุทธิของบันไดไม่ควรน้อยกว่า 120 เซนติเมตร และไม่ควรกว้าง 150 เซนติเมตรขึ้นไป เพื่อขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดใหญ่ได้

ความกว้างของประตู (วัดที่บานประตูนั้น) ควรเป็นบานคู่ ถ้าหากเป็นบ้านเดี่ยวควรมีความกว้าง 120 เซนติเมตร ประภายนอกบ้านบานอื่นๆ ควรมีขนาดความกว้าง 90 เซนติเมตร ประตูห้องภายในบ้านควรกว้างอย่างน้อยสุด 80 เซนติเมตร ปละประตูห้องน้ำต้องกว้างไม่น้อยกว่า 70 เซนติเมตร เป็นต้น

สวิตไฟฟ้าแสงสว่าง ควรสูง 120 เซนติเมตรจากระดับพื้น ระดับของปลั๊กไฟฟ้าขึ้นอยู่กับการใช้งาน โดยพิจารณาจากจำแหน่งและระดับของเฟอร์นิเจอร์ แนะนำว่าควรอยู่สูงจากพื้นอย่างน้อย 15 เซนติเมตรและควรสูงจากระดับท็อปของตู้ข้างหรือโต๊ะติดผนัง 15 เซนติเมตรเช่นกัน เพื่อความสะดวกในการใช้งาน

การติดตั้งสุขภัณฑ์ ให้เทียบความสูงกับเจ้าของห้องหรือคนใช้งานในบ้านเป็นหลัก ระเบียงควรกว้างอย่างน้อย 60 เซนติเมตร เพื่อให้สามารถใช้งานได้จริง หากระเบียงยาวกว่า 3 เมตร ควรกว้างอย่างน้อย 100 เซนติเมตร